ที่ผ่านมาหลายคนตื่นขึ้นมาตอนเช้า พบว่าที่ผิวหนังของตนเองที่หน้า คอ ข้อพับ เป็นรอยไหม้ทางยาว และเป็นผื่นแพ้แดงขอบเขตชัดเจน ขยายวงกว้างออกไป พอเกาก็จะรู้สึกแสบ และเกิดรอยดำ กลุ้มอกกลุ้มใจมากกลัวจะเป็นแผลเป็นและผิวหนังเสีย สาเหตุมักจะมาจากแมลงชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ด้วงก้นกระดก”

ด้วงก้นกระดก (ด้วงปีกสั้น , ด้วงก้นงอน , แมลงเฟรชชี่ ) หรือบางคนเรียกแมลงน้ำกรด แมลงขนาดเล็กประมาณ 7-8 มม. ส่วนหัวมีสีดำ ปีกน้ำเงินเข้มขนาดเล็ก และส่วนท้องมีสีส้ม แมลงชนิดนี้มักจะงอส่วนท้ายเมื่อเกาะอยู่กับพื้น จึงมักเรียกว่า "ด้วงก้นกระดก" อาศัยบริเวณพงหญ้าที่มีความชื้น ชอบออกมาเล่นไฟ เป็นแมลงที่มีประโยชน์ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชตาม ธรรมชาติ โดยทั่วไปด้วงชนิดนี้จะไม่กัดหรือต่อยคน

แต่ในกรณีที่ด้วงชนิดนี้ตกใจ ถูกตี หรือบดขยี้ ด้วงจะปล่อยน้ำในตัวที่เป็นสารพิษที่ชื่อว่า “เพเดอริน” ออกมาเพื่อป้องกันตัว และพิษส่วนใหญ่จะมีในด้วงตัวเมีย สารชนิดนี้มีความเป็นพิษทำลายเนื้อเยื่อ ก่อให้เกิดความระคายเคืองกับผิวหนังมาก ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังของผู้ที่สัมผัสโดน และจะมีอาการแสบร้อนหรือ คัน


ผู้ที่โดนพิษด้วงกระดก อาการผื่นผิวหนังจะยังไม่เกิดทันทีที่สัมผัส แต่จะเริ่มเกิดผื่นและอาการแสบเมื่อผ่านไปประมาณ 24 ชั่วโมง ต่อมาผื่นแดงจะมีขอบเขตชัดเจน หรือ แผลรอยไหม้ลักษณะเป็นทางยาว เพราะเกิดจากการปัดด้วยมือ ภายใน 48 ชั่วโมง การอักเสบอาจขยายวงใหญ่ขึ้น ผิวจะมีผื่นแดง คัน แสบร้อน หรืออาจพบผื่นที่บริเวณซอกพับ เกิดเป็นแผลพุพองตุ่มน้ำพองใส และตุ่มหนองใน 2-3 วัน

แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ในรายที่เป็นรุนแรงผิวหนังจะอักเสบหลายแห่ง ผื่นตุ่มน้ำตามบริเวณใบหน้า ลำคอ แขน มักทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นงูสวัด แต่จริงแล้วแตกต่างจากผื่นงูสวัดมาก คือพิษจากแมลงก้นกระดก จะไม่มีอาการปวดร้าวตามแนวเส้นประสาทที่ตำแหน่งที่เกิดผื่นเหมือนเช่นในผื่น งูสวัด


อาการความรุนแรงการอักเสบของผิวหนังมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณพิษ ความเข้มข้นของสารเพเดอรินที่สัมผัสโดน หลังจากนั้นจึงตกสะเก็ด ในเวลาต่อมาผื่นหรือแผลจะตกสะเก็ดจะ ได้เองได้ภายใน 7 - 10 วัน หายแล้วอาจจะทิ้งรอยดำไว้สักระยะหนึ่ง อาจเกิดเป็นแผลเป็นได้หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติมที่บริเวณนั้น

ถ้าโดนพิษมากติดเชื้อแบคทีเรียจากแผลเปิด จะทำให้ผื่นหายช้าลงและลุกลามจนมีโอกาสเกิดเป็นแผลเป็น ในรายที่ผื่นเป็นบริเวณกว้าง อาจมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเส้นประสาท ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ หรืออาการคลื่นไส้อาเจียนได้ และเป็นผื่นบวมแดงติดต่อกันหลายเดือน หากพิษเข้าตาอาจทำให้ตาบอดได้

การป้องกันพิษจากด้วงก้นกระดก ขอให้ประชาชนระมัดระวัง โดยเฉพาะเด็กๆ อย่าจับมาเล่น หลีกเลี่ยงการปัดหรือบีบตัวแมลงที่มาเกาะตามตัว ควรใช้วิธีเป่าแมลงให้หลุดออกไปเองโดยไม่ต้องจับโดนตัวแมลง เมื่อพบแมลงชนิดนี้อย่าตบ ตีหรือบดบี้เมื่อด้วงบินมาเกาะตามตัว เพราะจะได้รับสารพิษที่อยู่ในตัวแมลงได้ หากถูกพิษของด้วงนี้ให้รีบล้างพิษด้วยน้ำเปล่า ฟอกสบู่ และประคบเย็นในบริเวณที่สัมผัส หรือใช้แอมโมเนียเช็ด

ก่อนนอนควรปัดที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม ก่อน เพื่อป้องกัน รวมทั้ง ควรปิดประตูตู้เสื้อผ้า ประตูและหน้าต่างห้องนอนให้มิดชิดทั้งกลางวันและกลางคืน ในช่วงกลางคืนควรเปิดไฟเฉพาะเท่าที่จำเป็นโดยเฉพาะควรปิดไฟห้องนอน เพราะ “แมลงก้นกระดก” มักชอบออกมาเล่นแสงไฟตามบ้าน

การรักษาผื่น คือการให้ครีมสเตียรอยด์ทาในผื่นแดงระยะเริ่มแรก แต่ถ้าผื่นมีตุ่มน้ำพองเป็นบริเวณกว้างหรือแผลไหม้ควรทำการประคบด้วยน้ำ เกลือครั้งละ 5-10 นาที วันละ 3-4 ครั้งจนแผลแห้ง ร่วมกันยาทาที่มีส่วนผสมซิลเวอร์ หรือเจลว่านหางจระเข้ อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะชนิดกินเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ และใช้ยาแก้ต้านฮีสตามีนเพื่อช่วยบรรเทาอาการคัน..โดยไปปรึกษาเภสัชกร

@ มิตรแท้เฮลล์แคร์