วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

โตเป็นสาวเป็นหนุ่มแล้วอยากรู้เขาคุมกำเนิดกันอย่างไรบ้าง ??


การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ถือเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคแรก เพราะเป็นการขยายและดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายแล้ว ก็มีโอกาสที่จะตั้งท้องได้ ลองมาดูวิธีการคุมกำเนิดแบบต่างๆ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้

1. ยาเม็ดคุมกำเนิดรายเดือน ยานี้ป้องกันท้องด้วยการยับยั้งไข่ตก ทำให้เยือบุโพรงมดลูกมีสภาพไม่เหมาะสมกับการฝังตัว และทำให้ปากมดลูกเหนียวข้น เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางไปหากันระหว่างอสุจิ-ไข่ ทำให้ไม่เจอกันเลยไม่ท้อง

ยาคุมเม็ดคุมกำเนิดรายเดือน มีที่ใช้กันคือ ชนิด 21 และ 28 เม็ด วิธีกินคือให้กินยาเม็ดแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนจะได้ผลดีที่สุด โดยกินยาวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกัน ที่สะดวกทุกๆ วัน เช่น ก่อนนอน หลังอาหารเย็น จนหมดแผง

ถ้าชนิด 28 เม็ด จะมีวิตามินเพิ่มมาอีก 7 เม็ดโดยสีเม็ดยาจะต่างออกไป เพื่อให้ผู้หญิงกินยาได้ต่อเนื่องโดยไม่ลืม กินจนหมดแผงแล้วให้เริ่มแผงใหม่ได้เลยโดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหมด แต่ถ้าชนิด 21 เม็ด เมื่อกินหมดแผงแล้วให้เว้นวรรคไป 7 วัน แล้วจึงเริ่มแผงใหม่ โดยประจำเดือนจะมาในช่วงที่เว้นนั้นพอดี

อาการข้างเคียงของยาคุมชนิดนี้คือ คลื่นไส้ อาเจียน ในช่วงที่กินยาใหม่ๆ เมื่อกินต่อไปสักช่วงหนึ่งอาการจะลดลงหรือหายไป ช่วงนี้อาจต้องใช้ยาบรรเทาอาการคลื่นใส้ร่วมด้วย มักเกิดในช่วง1-3 อาทิตย์แรก และบางคนอาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด มักเกิดจากการกินยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนต่ำ กินไม่ตรงเวลา หรือลืมกินยา

ยาคุมยี่ห้อใดเหมาะกับแต่ละคนนั้น เภสัชกรจะพิจารณาจากความต้องการของผู้กิน และอาการก่อนมีประจำเดือนประกอบ เช่น มีสิว ผิวมัน ขนดก คล้ายผู้ชาย ก็จะเลือกใช้ยาคุมชนิดที่ขนาดฮอร์โมนเหมาะสม เพราะแต่ละคนเหมาะกับยาคุมในชนิดที่ต่างกัน

แต่ถ้าลืมกินยาคุม ก็มีวิธีแก้ไขคือ ถ้าลืมกิน 1 วัน ให้รีบกิน 1 เม็ดเลยทันทีที่นึกขึ้นได้ , ถ้าลืมกิน 2 วัน ให้รีบกิน 2 เม็ดทันทีที่นึกได้ และกินอีก 2 เม็ดในวันถัดไป หลังจากนี้หากจะมีเพศสัมพันธ์ต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยจนกว่าจะเริ่มยา แผงใหม่ แต่ถ้าลืมมากกว่า 2 วันติดกัน ให้หยุดกินยาแผงนั้น และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง แล้วจึงเริ่มยาแผงใหม่ในรอบเดือนถัดไป

2. ยาคุมฉุกเฉิน ยานี้ตัวยาเม็ด ประกอบไปด้วยฮอร์โมนขนาดสูง มีผลป้องกันหรือยับยั้งการตกไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสมแก่การฝังตัว การกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินล่วงหน้าก่อนมีเพศสัมพันธ์ไม่สามารถป้องกันการท้อง ได้ แต่ใช้เพื่อคุมกำเนิดหลังการมีเพศสัมพันธุ์เท่านั้น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม

เช่น ไม่ได้วางแผนคุมกำเนิด ไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น คุมแล้วแต่ผิดพลาด ฯลฯ ก็อย่าเพิ่งหมดหวังไป สามารถลดโอกาสท้องได้ โดยการคุมกำเนิด "แบบฉุกเฉิน" จากเพศสัมพันธ์ครั้งนั้น แม้ว่าจะไม่ 100% แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย มี 2 วิธีคือ กินยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือใส่ห่วงอนามัยฉุกเฉิน หลังมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุดหรือไม่เกิน 5 วัน ยิ่งใช้ได้ไวเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

วิธีการกินยามี 2 แบบ คือ กินพร้อมกัน 2 เม็ดเลย หรือกินทีละเม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมง และต้องไม่เกิน 5 วัน แต่ยิ่งกินได้เร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งลดโอกาสท้องได้มากเท่านั้น ไม่ควรกินเกินเดือนละ2 ครั้ง ยานี้มีผลข้างเคียงมาก หากใช้ต่อเนื่องเป็นประจำเวลานานจะทำให้มีโอกาสท้องได้

หลังจากใช้วิธีคุมกำเนิดฉุกเฉินแล้ว ประจำเดือนรอบถัดไปอาจมาช้า หรือเร็วกว่าปกติได้ แต่ถ้าไม่มาตามปกติตั้งแต่ 3 สัปดาห์ขึ้นไป ให้ไปซื้อชุดตรวจตรวจตั้งครรภ์มาทดสอบยืนยันอีกครั้ง

3. ห่วงอนามัย ห่วงนี้มีลักษณะเป็นเหมือนรูปตัวมี (T) หรือรูปสมอเรือ ขดไปมาใส่ในโพรงมดลูกเพื่อป้องกันการฝังตัวของไข่ การใส่ห่วงชนิดนี้จะไปรับบริการใส่เมื่อใดก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าไม่ท้อง ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือ ภายใน 10 วันนับจากวันแรกที่มีประจำเดือน

ผู้ที่ใส่ห่วงอนามัย จะมีสายไนล่อนเล็กๆ อยู่ในช่องคลอดควรหมั่นตรวจด้วยตัวเอง โดยเฉพาะช่วงหลังประจำเดือนหยุดแล้วใหม่ๆ ทุกเดือนว่ายังอยู่หรือไม่ ถ้าห่วงหลุดก็สามารถทำให้ท้องได้ การใส่ห่วงอนามัยเมื่อร่วมเพศนั้น โดยปกติช่องคลอดจะน้ำหล่อลื่นและมีมากขึ้นระหว่างการร่วมเพศ อวัยวะเพศของฝ่ายชายจะอยู่เพียงในช่องคลอดเท่านั้น

จะไม่มีโอกาสจะสัมผัสห่วงอนามัย ฝ่ายหญิงจึงไม่รู้สึกเจ็บ และฝ่ายชายก็จะไม่รู้สึกสัมผัสสายไนล่อนนี้ ห่วงอนามัยสามารถคุมกำเนิดได้นาน 5 และ 10 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของห่วงอนามัย

4. วงแหวนคุมกำเนิด มีฮอร์โมนแบบเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิด ปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอและดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้ทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว และมีวินัยในการใช้ สามารถใช้ได้อย่างถูกต้อง มีลักษณะเป็นวงแหวน นุ่ม ใส ไม่มีสี ยืดหยุ่นได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.5 ซม.

โดยใส่วงแหวนคุมกำเนิดในวันแรกของการมีประจำเดือนใส่ไว้ 3 สัปดาห์แล้วถอดออก 1สัปดาห์ โดยบีบวงแหวนด้วยหัวแม่มือ และนิ้วชี้ และค่อยๆ สอดเข้าไปในช่องคลอดโดยให้ครอบปากมดลูกไว้

5. แผ่นแปะคุมกำเนิด มีขนาด 4.5x 4.5 เซนติเมตร เป็นการคุมกำเนิดที่ออกฤทธิ์เหมือนกับยาคุมแบบรายเดือนแต่สะดวกกว่า โดยแปะไว้ที่ผิวหนังบริเวณสะโพก หน้าท้อง ต้นแขนด้านนอก แผ่นหลังด้านบน โดยตัวยาจะซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด

เริ่มแปะในวันแรกที่ประจำเดือนมาแปะไว้ 7 วันแล้วเปลี่ยนแผ่นใหม่ พอครบ 3 สัปดาห์ ให้เว้นไว้ไม่ต้องแปะ 1สัปดาห์ ประจำเดือนก็จะมาในช่วงนี้เหมือนยาคุม แผ่นแปะประเภทนี้ทำให้ผู้ใช้แน่ใจได้ว่ากำลังคุมกำเนิด เพราะว่าสามารถคลำได้ว่าแผ่นแปะคุมกำเนิดยังอยู่

การทำกิจกรรมต่างๆ เช่น อาบน้ำ ว่ายน้ำ ออกกำลังกาย ยังทำได้ตามปกติโดยไม่ต้องแกะแผ่นคุมกำเนิดออก แต่ถ้าแผ่นแปะหลุด หากยังพอใช้ได้ให้ใช้ต่อ แต่ถ้าติดไม่อยู่จริงๆ เช่น เหลือ 3 วันจะเปลี่ยนแผ่นใหม่ ก็ให้ใช้ต่อได้แล้วค่อยเปลี่ยน คำแนะนำ คือ ไม่ควรใช้เครื่องสำอาง โลชั่นหรือครีมบริเวณผิวหนังที่ต้องการแปะ

ไม่ควรแปะแผ่นยาบนผิวหนังที่ยังไม่แห้งสนิท ไม่ควรตัดแต่งแผ่นแปะเป็นรูปต่างๆ เช่น รูปดาว หัวใจ เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพลดลง ถ้าลืมแปะแผ่นใหม่ไม่เกิน 2 วันให้เริ่มแปะทันทีที่นึกได้ ถ้าเกิน 2 วัน ให้คุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัย แล้วเริ่มแปะยาในประจำเดือนรอบต่อไป

นอกจากวิธีดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีวิธีอื่นๆ เช่น ยาฝังคุมกำเนิด สามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 3 และ 5 ปี ตามชนิดของยาและจำนวนหลอด , ถุงอนามัยหญิง ใช้คล้ายกับถุงยางอนามัยชาย แต่หาซื้อได้ค่อนข้างยาก , ยาฉีดคุมกำเนิด ในผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว , การทำหมันสำหรับผู้หญิงที่มีลูกเพียงพอแล้ว

การมีเพศสัมพันธ์ ระหว่างหญิงชาย โดยฝ่ายชายได้มีการสอดใส่สักพักและถอดอวัยวะเพศออกมาแล้วหลั่งข้างนอก หวังว่าจะเป็นการป้องกันไม่ให้ตัวอสุจิเข้าไปในช่องคลอดนั้นไม่ใช่การคุม กำเนิด เป็นวิธีที่ล้มเหลวบ่อย เพราะอาจมีอสุจิปนออกมาในระหว่างที่มีการสอดใส่ก่อนการหลั่งจึงมีโอกาสที่ ท้องได้
ให้ดูคลิปวิดีโอ 4 นาทีที่ช่างมหัศจรรย์ต่อไปนี้ที่    https://www.facebook.com/UOLNoticias/videos/1109539799060835

 ท่านจะเข้าใจธรรมชาติว่าเราเกิดมาได้อย่างไร และสามารถอธิบายกับบุตรหลานได้เข้าใจเป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมทั้งการให้คำแนะนำการคุมกำเนิดด้วยวิธีต่างๆ ที่เหมาะสมในอนาคตด้วย

มิตรแท้เฮลล์แคร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น